วันที่ 29 ต.ค. ของทุกปี เป็นวันรณรงค์อัมพาตโลก เพื่อให้ประชาชนทั่วโลกเกิดความตระหนักและระวังภัยอันตรายของโรคหลอดเลือดสมอง
ซึ่งข้อเท็จจริงที่น่ากลัว ของโรคหลอดเลือดสมองหรืออัมพฤต อัมพาต คือ ในทุก 6 วินาที ทั่วโลกจะมีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน จากโรคหลอดเลือดสมอง
จึงเป็นที่มาในการกำหนดประเด็นการรณรงค์ของปีนี้ คือ "One in Six" หรือ "1 ใน 6 จะไม่ใช่คุณ"
![]() |
ภาพจาก https://www.argirich.com |
โดยข้อมูลขององค์การอัมพาตโลกรายงานสถานการณ์โรคหลอดเลือดสมองทั่วโลก ว่า
โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับ 2 ของประชากรอายุมากกว่า 60 ปี ทั่วโลก
และเป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับ 5 ของประชากรอายุมากกว่า 15-59 ปี
ในแต่ละปีมีคนทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 6 ล้านคน ซึ่งมากกว่าคนทั่วโลกที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ วัณโรค และโรคมาลาเรียรวมกัน
เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เราควรทำอย่างไร
> ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
> ควบคุมน้ำหนัก ไม่ปล่อยให้อ้วน
> จำกัดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
> เรียนรู้ สัญญาณเตือนของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและแนวทางการป้องกัน
เรียนรู้สัญญาณเตือนของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
ถึงแม้ว่าอัมพาตจะเกิดขึ้นฉับพลันจนเรียกกันว่าเป็นลมอัมพาต หรือโรคลมปัจจุบัน ก็ตาม แต่ใช่ว่าร่างกายจะไม่ส่งสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าให้เรารู้สักนิดเลย หากเราใส่ใจและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ก็สามารถหลีกหลีกเลี่ยงอัมพาตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 7 สัญญาณเตือนภัยต่อไปนี้มักจะเกิดขึ้นก่อนจะเป็นอัมพาต 6-12 เดือน
-ไม่มีแรงหรือชาอย่างเฉียบพลันที่ใบหน้า แขนหรือขาซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย มือหยิบของแล้วร่วงตก อาการมักเกิดขึ้นชั่วขณะและหายเองได้ภายในเวลา 24 ชั่วโมง
-ตามัวหรือมองไม่เห็นอย่างเฉียบพลันโดยเฉพาะถ้าเป็นกับตาข้างเดียว
-อยู่ๆลิ้นแข็งหรือชาทำให้พูดไม่ชัดหรือพูดลำบากแต่รู้ตัวดีและสามารถกลับสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว
-วิงเวียนศีรษะบ่อย บางทีเป็นลมล้มลงแต่สามารถรู้สึกตัวได้อย่างรวดเร็ว
-ความจำเสื่อมลงอย่างเห็นได้ชัด
-นึกอะไรช้าลง สับสน ขาดสมาธิ สมรรถภาพการทำงานลดลงอย่างไร้เหตุผล
-อยู่ๆปวดศีรษะรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่เมื่อมีอาการเกิดขึ้นแล้ว อาการที่บ่งบอกได้ว่าร่างกายกำลังเข้าใกล้กับโรคหลอดเลือดสมองตีบนั้น จะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนได้แก่
1. กลุ่มผู้ป่วยที่แสดงอาการโดยจะมีอาการเดินเซ แขน ขาไม่มีเรี่ยวแรง กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีอาการหลงๆ ลืมๆ ปวดหัวโดยไม่ทราบสาเหตุบ่อยครั้ง
2. กลุ่มผู้ป่วยที่เกิดอาการอย่างเฉียบพลันในขณะที่นอนอยู่เฉยๆ คือ ร่างกายจะมีอาการชาไปทั้งตัว หรือครึ่งตัว ไม่สามารถขยับตัวได้
![]() |
โรคหลอดเลือดในสมอง เมื่อเกิดอาการกับผู้ป่วย เช่น เวลายิ้มปากเบี้ยว ยกแขนไม่ขึ้น พูดประโยคไม่ปะติดปะต่อ ต้องรีบส่งแพทย์ทันที สอบถามได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทร. 1422 และสายด่วนฉุกเฉิน ศูนย์นเรนทร 1669 หน่วยแพทย์กู้ชีพ 1554 ภาพจาก http://www.mybraintest.org |
“เมื่อมีอาการไม่ควรนิ่งนอนใจต้องรีบนำส่งให้ถึงมือแพทย์อย่างเร็วที่สุด เพราะในระยะเวลา 3 ชั่วโมงหลังจากที่เกิดอาการ แพทย์จะให้ยาสลายลิ่มเลือด ซึ่งจะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยไว้ได้” นพ.ยรรยง ทองเจริญ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลปิยะเวท กล่าว
โรคหลอดเลือดสมองตามหลักการแพทย์แผนจีน
การแพทย์จีนได้จัดโรคหลอดเลือดสมองให้อยู่ในกลุ่มโรคที่เกิดจาก ภาวะหยางความร้อนในตับมีมากเกินไปจนลอยตัวขึ้นไปกระทบที่ศีรษะร่วมกับ ภาวะเลือดมีความหนืดมากเกินไปจากพลังชี่ของไตพร่องลง การแพทย์จีนจึงนิยมใช้วิธีบำบัดแบบองค์รวมดังนี้
-ทำความสะอาดหลอดเลือด สลายลิ่มเลือดและไขมันทำให้หลอดโล่งสะอาดเพื่อป้องกันและบำบัดโรคต่างๆที่เป็นต้นเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง เช่น ความดันโลหิตสูงหลอดเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น
-ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางและกระบวนการสังเคราะห์สารโปรตีนในสมอง ซึ่งเป็นสารจำเป็นต่อความจำระยะยาวและระยะสั้น พร้อมทั้งป้องกันอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์สมองและหลอดเลือดสมอง
-บำรุงไตเพื่อส่งเสริมพลังชี่ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น สมองจึงได้รับออกซิเจนและน้ำตาลกลูโคสที่เป็นสารจำเป็นต่อการใช้พลังงานของสมองได้อย่างเพียงพอ
อาการขี้หลงขี้ลืม วิงเวียนศีรษะ ความจำไม่ดี สมาธิสั้นหูอื้อ ตาลายจากเซลล์สมองเสื่อมถอย หรืออาการแขนขาอ่อนแรง ลิ้นชา พูดไม่ชัด ตามัว กลืนอาหารลำบาก เดินเซเหมือนคนเมาเหล้าหรืออาการอื่นๆที่เกิดจากอัมพฤกษ์ อัมพาตจะค่อยๆทุเลาลงหรืออาจหายไปในที่สุด
ขออนุญาต ที่จะนำเรื่องโรคหลอดเลือดในสมองตามหลักการแพทย์จีนมากล่าวต่อ คราวหน้าค่ะ
โปรดติดตาม ค่ะ
อยากให้เพื่อน ๆ และทุกคนสุขภาพดีนะคะ
ขอบคุณข้อมูล จาก http://www.thaihealth.or.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น