22/10/56

วิธีเลี่ยงโรคหลอดเลือด



วันที่ 29 ต.ค. ของทุกปี เป็นวันรณรงค์อัมพาตโลก เพื่อให้ประชาชนทั่วโลกเกิดความตระหนักและระวังภัยอันตรายของโรคหลอดเลือดสมอง 
ซึ่งข้อเท็จจริงที่น่ากลัว ของโรคหลอดเลือดสมองหรืออัมพฤต อัมพาต คือ ในทุก 6 วินาที ทั่วโลกจะมีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน จากโรคหลอดเลือดสมอง 
จึงเป็นที่มาในการกำหนดประเด็นการรณรงค์ของปีนี้ คือ "One in Six" หรือ "1 ใน 6 จะไม่ใช่คุณ"

ภาพจาก https://www.argirich.com

โดยข้อมูลขององค์การอัมพาตโลกรายงานสถานการณ์โรคหลอดเลือดสมองทั่วโลก ว่า 
โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับ 2 ของประชากรอายุมากกว่า 60 ปี ทั่วโลก
และเป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับ 5 ของประชากรอายุมากกว่า 15-59 ปี 

ในแต่ละปีมีคนทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 6 ล้านคน ซึ่งมากกว่าคนทั่วโลกที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ วัณโรค และโรคมาลาเรียรวมกัน
เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เราควรทำอย่างไร 



> ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ 
> ควบคุมน้ำหนัก ไม่ปล่อยให้อ้วน 
> จำกัดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ 
> เรียนรู้ สัญญาณเตือนของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและแนวทางการป้องกัน

เรียนรู้สัญญาณเตือนของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
ถึงแม้ว่าอัมพาตจะเกิดขึ้นฉับพลันจนเรียกกันว่าเป็นลมอัมพาต หรือโรคลมปัจจุบัน ก็ตาม แต่ใช่ว่าร่างกายจะไม่ส่งสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าให้เรารู้สักนิดเลย หากเราใส่ใจและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ก็สามารถหลีกหลีกเลี่ยงอัมพาตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 7 สัญญาณเตือนภัยต่อไปนี้มักจะเกิดขึ้นก่อนจะเป็นอัมพาต 6-12 เดือน

           -ไม่มีแรงหรือชาอย่างเฉียบพลันที่ใบหน้า แขนหรือขาซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย มือหยิบของแล้วร่วงตก อาการมักเกิดขึ้นชั่วขณะและหายเองได้ภายในเวลา 24 ชั่วโมง

          -ตามัวหรือมองไม่เห็นอย่างเฉียบพลันโดยเฉพาะถ้าเป็นกับตาข้างเดียว

          -อยู่ๆลิ้นแข็งหรือชาทำให้พูดไม่ชัดหรือพูดลำบากแต่รู้ตัวดีและสามารถกลับสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว

          -วิงเวียนศีรษะบ่อย บางทีเป็นลมล้มลงแต่สามารถรู้สึกตัวได้อย่างรวดเร็ว

          -ความจำเสื่อมลงอย่างเห็นได้ชัด

          -นึกอะไรช้าลง สับสน ขาดสมาธิ สมรรถภาพการทำงานลดลงอย่างไร้เหตุผล

          -อยู่ๆปวดศีรษะรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่เมื่อมีอาการเกิดขึ้นแล้ว    อาการที่บ่งบอกได้ว่าร่างกายกำลังเข้าใกล้กับโรคหลอดเลือดสมองตีบนั้น จะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนได้แก่ 

 1.  กลุ่มผู้ป่วยที่แสดงอาการโดยจะมีอาการเดินเซ แขน ขาไม่มีเรี่ยวแรง กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีอาการหลงๆ ลืมๆ ปวดหัวโดยไม่ทราบสาเหตุบ่อยครั้ง

2.  กลุ่มผู้ป่วยที่เกิดอาการอย่างเฉียบพลันในขณะที่นอนอยู่เฉยๆ คือ ร่างกายจะมีอาการชาไปทั้งตัว หรือครึ่งตัว ไม่สามารถขยับตัวได้


โรคหลอดเลือดในสมอง เมื่อเกิดอาการกับผู้ป่วย เช่น เวลายิ้มปากเบี้ยว ยกแขนไม่ขึ้น พูดประโยคไม่ปะติดปะต่อ
ต้องรีบส่งแพทย์ทันที     สอบถามได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทร. 1422
และสายด่วนฉุกเฉิน ศูนย์นเรนทร 1669 หน่วยแพทย์กู้ชีพ 1554
ภาพจาก 
http://www.mybraintest.org



            เมื่อมีอาการไม่ควรนิ่งนอนใจต้องรีบนำส่งให้ถึงมือแพทย์อย่างเร็วที่สุด เพราะในระยะเวลา 3 ชั่วโมงหลังจากที่เกิดอาการ แพทย์จะให้ยาสลายลิ่มเลือด ซึ่งจะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยไว้ได้” นพ.ยรรยง ทองเจริญ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลปิยะเวท กล่าว

โรคหลอดเลือดสมองตามหลักการแพทย์แผนจีน 

          การแพทย์จีนได้จัดโรคหลอดเลือดสมองให้อยู่ในกลุ่มโรคที่เกิดจาก ภาวะหยางความร้อนในตับมีมากเกินไปจนลอยตัวขึ้นไปกระทบที่ศีรษะร่วมกับ ภาวะเลือดมีความหนืดมากเกินไปจากพลังชี่ของไตพร่องลง การแพทย์จีนจึงนิยมใช้วิธีบำบัดแบบองค์รวมดังนี้

          -ทำความสะอาดหลอดเลือด สลายลิ่มเลือดและไขมันทำให้หลอดโล่งสะอาดเพื่อป้องกันและบำบัดโรคต่างๆที่เป็นต้นเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง เช่น ความดันโลหิตสูงหลอดเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น

          -ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางและกระบวนการสังเคราะห์สารโปรตีนในสมอง ซึ่งเป็นสารจำเป็นต่อความจำระยะยาวและระยะสั้น พร้อมทั้งป้องกันอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์สมองและหลอดเลือดสมอง

          -บำรุงไตเพื่อส่งเสริมพลังชี่ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น สมองจึงได้รับออกซิเจนและน้ำตาลกลูโคสที่เป็นสารจำเป็นต่อการใช้พลังงานของสมองได้อย่างเพียงพอ
          อาการขี้หลงขี้ลืม วิงเวียนศีรษะ ความจำไม่ดี สมาธิสั้นหูอื้อ ตาลายจากเซลล์สมองเสื่อมถอย หรืออาการแขนขาอ่อนแรง ลิ้นชา พูดไม่ชัด ตามัว กลืนอาหารลำบาก เดินเซเหมือนคนเมาเหล้าหรืออาการอื่นๆที่เกิดจากอัมพฤกษ์ อัมพาตจะค่อยๆทุเลาลงหรืออาจหายไปในที่สุด

ขออนุญาต ที่จะนำเรื่องโรคหลอดเลือดในสมองตามหลักการแพทย์จีนมากล่าวต่อ คราวหน้าค่ะ
โปรดติดตาม ค่ะ
อยากให้เพื่อน ๆ และทุกคนสุขภาพดีนะคะ

ขอบคุณข้อมูล จาก http://www.thaihealth.or.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น