คนป่วย หรือกำลังจะป่วย คงไม่อยากพาตัวไปหาหมอ ยิ่งคนกินยายาก เมื่อป่วยแล้วต้องกินยา ใจคอก็ไม่ค่อยจะดี แต่เพราะอยากหายป่วยจึงต้องทำใจ...เมื่อลำบากใจกันนัก
มีเรื่องราวจาก
นพ.กฤษดา ศิรามพุช,พบ.(จุฬาฯ) ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ.......มาฝาก
ปัญหาทุกประการในโลกนี้อาจแบ่งได้ 2 เรื่องใหญ่คือเรื่องที่แก้ได้และเรื่องที่แก้ไม่ได้ เช่นเดียวกับโรคภัยครับที่มีทั้งโรครักษาได้และโรครักษาไม่ได้
ไม่ใช่ว่าหมอสไตร้ค์ ไม่มีใครนัดผละงานครับ แต่บางโรคก็ถูก “ออกแบบ” มาให้เป็นเช่นนั้น ธรรมชาติท่านทำไว้ดีแล้ว แม้จะเก่งอย่างไรก็ไม่อาจฝืนได้ ลองสังเกตดูเถิดครับ
บางท่านอาจบอกว่าไม่มีปัญหาใดเลยที่ไม่อาจแก้ได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงครับ เพราะวันหนึ่งมันก็จะต้องดับไปตามกฏไตรลักษณ์นั่นเอง เช่นเดียวกับโรคภัยไข้เจ็บที่ผมชอบแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ
•หายเองได้ จะรักษาหรือไม่ก็หายเองได้อยู่ดี
•รักษาได้ หายขาดชะงัดดีถ้าถึงหมอถึงยาดี
•รักษาไม่ได้ เป็นโรคกรรมรักษาอย่างไรก็ไม่หาย
นำไปสู่มหากาพย์คนเห็นกรรม แก้กรรม รุมสกรัม เอ๊ย...สแกนวิบากกรรม และอีกหลายอีพิโสดแห่งซีรีส์กรรม
ดูแล้วเหมือนกลุ่มสุดท้ายน่าสิ้นหวัง แต่เมื่อตั้งใจดูให้รู้ลึกก็จะเห็นได้ว่ามีข้อดีอยู่มากที่สุดคือทำให้เรา “หยุด” ประมาทกับชีวิต เมื่อมีโรคภัยไม่สบายตัวเกิดขึ้นแล้วเรามักไม่อยากหาทุกข์อื่นใดมาเพิ่มให้ใจอีกเกิดเห็นค่าชีวิตมากขึ้นโดยอัตโนมัติ ขอแค่ไม่ท้อไปเสียก่อน
ตอนเจ็บป่วยนั้นเป็นเรื่องธรรมดาอยู่มากที่อยากจะให้หายได้เหมือน “เสก” ซึ่งก็คงไม่ใช่ “อะไรก็ยอม” แบบพี่เสก โลโซ เพราะถ้ายอมไปเสียหมดก็จะอดได้ยาเยอะไม่ได้ แถมยิ่งกินยามากก็ยิ่งป่วยไม่สบายต้องใช้ยาเพิ่มมากขึ้นไปอีก ดุจวัวพันหลัก
5 ป่วยช่วยได้เอง
'ภูมิแพ้'
แก้ง่ายไม่ใช่เรื่องยากหากแต่ต้องใช้สองมือหนึ่งสมองของตัวเองเป็นหลักเพราะถ้าไปพึ่งมืออื่นก็
มักได้ยา ได้สตีรอยด์มาประจำแล้วก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเป็นชิ้นอันอยู่ดีเพราะมันเป็นโรคที่ไม่หายอยู่แล้ว ฉะนั้นเมื่อภูมิแพ้เป็นโรคธรรมดาที่เกิดจากตัวมันก็ย่อมต้องออกจากตัวได้เอง
> เริ่มจากจัดเวลาออกกำลังวันละครึ่งชั่วโมง แล้วเมื่อกลับมาบ้านลองทำน้ำเกลือกลั้วคอล้างจมูกเองจะเป็นตัวปลุกภูมิคุ้มกันที่หลับใหลอยู่ให้กระฉับกระเฉงขึ้น ต้องไม่นอนยอมรับชะตากรรมน้ำมูกตก เอ๊ย...น้ำตาตกอยู่เพียงฝ่ายเดียวครับ
> สำหรับภูมิแพ้เราอย่ายอมเป็นผู้ถูกกระทำขอเชียร์ให้ท่านที่รักลุกขึ้นมายกเครื่องปฏิวัติรัฐประหาร เอ๊ย...ปฏิรูป แหะ แหะ ยกระดับภูมิให้แกร่งขึ้นมาอย่าเพี้ยนโลเลจนป่วยการพาลฟุดฟิดหอบหืดเป็นผื่นคันชวนจิตตก เปลี่ยนให้คำว่า “ภูมิแพ้แก้ไม่ได้” ให้กลายเป็นลูกไก่ในกำมือเราครับ
'ไขมันสูง'
เป็นเรื่องใกล้ตัวไม่น่ากลัวอย่างที่คิดจนต้องพึ่งยาเสมอไป เพราะหัวใจของการ “ลดมัน” ก็คือหาผู้ร้ายตัวแท้ให้เจอ เช่นเกิดจาก “มรดกยีน” ในครอบครัวที่ไขมันสูงกันอยู่แล้ว
หรือเกิดจากอาหาร,ฮอร์โมน ซึ่งถ้าหาตัวจริงเจอก็จะยิ่งแก้ง่าย
นอกจากคุมอาหารมันแล้วขอให้เลี่ยง “แป้งกับน้ำตาล” เป็นหลักด้วยจะช่วยได้มาก
ส่วนอาหารทะเลถ้าอยากทานก็ให้ทานครับทั้งปลาหมึก,กุ้ง,หอยเพราะมีไขมันดีโอเมก้า3 อยู่มากพอดู
และควรรู้หลีก “ไขมันล่องหน(Transfat)”
ที่ปนอยู่ในครีมเทียม,เค้ก,คุ้กกี้,มาการีน,วิปครีมและเบเกอรี่ส่วนใหญ่ครับ
'ปวดข้อ'
ไม่เกี่ยวกับโรคคดในข้อหรือกระดูกขัดมันแต่อย่างใด
หากแต่เป็นเรื่องการใช้งานนานๆแบบหักโหมทั้งข้อศอก,ข้อเข่า,ข้อคอ,ข้อนิ้ว,ข้อหลังมันก็พาลสึกเสื่อมไปเหมือนบานพับเก่าจะพับเข้าแต่ละทีก็มีเอี๊ยดอ๊าด
ตามด้วยอาการเจ็บ จริงแล้วแก้ได้ง่ายให้หาน้ำมันปลามารับประทานลดอักเสบ,
ใช้วิชาตัวเบาทำน้ำหนักให้ลดลงเพราะตัวที่รังแกบานพับของรามากที่สุดก็คือความอ้วนครับ
สำหรับท่านั่งก็สำคัญหมั่นเลี่ยงท่า “พิฆาตเข่า” ต่อไปนี้คือขัดสมาธิ,พับเพียบ,คุกเข่าและยองๆ
ซึ่งคนไทยเรานั่งกันมาแต่โบราณทำให้อาการปวดเข่าเจอได้มาก
'กระดูกพรุน'
คนผอมจะวุ่นกว่าคนเจ้าเนื้อเพราะกระดูกจะเสี่ยงต่อบางลงง่ายกว่าเพราะว่าไม่มีน้ำหนักช่วยกดลงให้
กระดูกได้ปรับตัวดูดแคลเซียมมาช่วยรับ
พอเนื้อกระดูกสบายมานานครั้นถึงวัยหนึ่งซึ่ง “ฮอร์โมนต่ำ” เช่นวัยทองของทั้งหญิงชายก็จะทำให้กระดูกยิ่งบางจ๋อยลงถือเป็น “ขาลง” ของมวลกระดูกทีเดียวครับ ถึงตอนนี้ส่วนที่หักง่ายก็จะมีข้อมือ,บั้นเอวและกระดูกต้นขา
การรักษาเองต้องเน้นที่ฝาก “ธนาคารกระดูก(Bone bank)” เอาไว้ด้วยการ
กิน “งาดำ” สักวันละ 2-3 ช้อนกินข้าว,
กินใบกะเพราะและกะปิเข้าให้มากครับจะได้ทั้งแคลเซียมและแมกนีเซียม
ที่สำคัญอย่าลืมเติม “วิตามินดี” โดยต้องไม่หนีแดดอ่อนๆด้วยครับ
" จำเสื่อม"
หา 2 พระเอกมากินด่วนชวนความจำกลับมาเพราะอาการจำเสื่อมอาจเกิดได้จาก “สมาธิสั้น” ได้ด้วย
ในผู้ใหญ่ที่ต้องบริหารงานมากจะมีอาการนี้ได้
ของควรใช้บำรุงสมองก็คือ “วิตามินบี” กับ “น้ำมันปลา” นอกจากนั้นก็มีแปะก๊วยที่ช่วยได้
ส่วนสำคัญคือต้องทำ “สติ” กันใหม่
ค่อยๆทำไปทีละอย่างอย่าทำทีเดียวพร้อมกัน(Multitasking) ครับ
ทั้ง 5 โรคที่ฮาร์วาร์ดจัดมาให้นั้น ดูแล้วก็เห็นว่า ของเขาดีจริงทำให้ไม่ต้องวิ่งขาขวิดไปหาหมอแต่ไก่โห่ และก็ยิ่งดีขั้นกว่าถ้ารู้ว่าจริงแล้วยังมีอีกสองโรคที่ทางฮาวาร์ดท่านอวยไว้ให้ด้วยคือ
“เบาหวาน” กับ “ความดันสูง” แต่เกรงว่าจะค่อนข้างล่อแหลม ไม่ใช่รายการทั่วไปเด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี แต่ถ้ารักษาเองเสียทั้งหมดก็มีสิทธิ์อันตราย พูดง่ายๆว่าเกรงท่านใดเกิด “อิน” ขึ้นมาแล้วเอายาหลักทิ้งถังเสียหมด โรคกำเริบกันทั่วเมือง
อย่าเพิ่งไปหาเรื่องฮาร์วาร์ดกันนะครับ เพราะสำหรับความหมายที่ว่ารักษาได้เองนั้นคือดูแลด้วยการ “ไม่ใช้ยา” หรือใช้ยาเท่าที่จำเป็น อย่าเห็นว่าการใช้ยาอันตรายเสมอไป คนที่รักษาด้วยธรรมชาติแล้วดีขึ้นได้ส่วนหนึ่งก็คือคนที่ “มีวินัย” ด้วย ยาหรือหมอแค่เป็น “ตัวช่วย” เท่านั้น
ข้อมูลจาก kamolonline.net
ติดต่อเราบน Facebook page หลินจือ gano for your good health
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น