20/10/56

"5 ป่วย" ไม่ต้องช่วยด้วย "ยา"





คนป่วย หรือกำลังจะป่วย คงไม่อยากพาตัวไปหาหมอ ยิ่งคนกินยายาก เมื่อป่วยแล้วต้องกินยา ใจคอก็ไม่ค่อยจะดี แต่เพราะอยากหายป่วยจึงต้องทำใจ...เมื่อลำบากใจกันนัก

มีเรื่องราวจาก 

นพ.กฤษดา ศิรามพุช,พบ.(จุฬาฯ) ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ.......มาฝาก


ปัญหาทุกประการในโลกนี้อาจแบ่งได้ 2 เรื่องใหญ่คือเรื่องที่แก้ได้และเรื่องที่แก้ไม่ได้ เช่นเดียวกับโรคภัยครับที่มีทั้งโรครักษาได้และโรครักษาไม่ได้

ไม่ใช่ว่าหมอสไตร้ค์ ไม่มีใครนัดผละงานครับ แต่บางโรคก็ถูก “ออกแบบ” มาให้เป็นเช่นนั้น  ธรรมชาติท่านทำไว้ดีแล้ว แม้จะเก่งอย่างไรก็ไม่อาจฝืนได้ ลองสังเกตดูเถิดครับ

บางท่านอาจบอกว่าไม่มีปัญหาใดเลยที่ไม่อาจแก้ได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงครับ เพราะวันหนึ่งมันก็จะต้องดับไปตามกฏไตรลักษณ์นั่นเอง เช่นเดียวกับโรคภัยไข้เจ็บที่ผมชอบแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ

•หายเองได้  จะรักษาหรือไม่ก็หายเองได้อยู่ดี

•รักษาได้  หายขาดชะงัดดีถ้าถึงหมอถึงยาดี

•รักษาไม่ได้ เป็นโรคกรรมรักษาอย่างไรก็ไม่หาย 

นำไปสู่มหากาพย์คนเห็นกรรม แก้กรรม รุมสกรัม เอ๊ย...สแกนวิบากกรรม และอีกหลายอีพิโสดแห่งซีรีส์กรรม

ดูแล้วเหมือนกลุ่มสุดท้ายน่าสิ้นหวัง  แต่เมื่อตั้งใจดูให้รู้ลึกก็จะเห็นได้ว่ามีข้อดีอยู่มากที่สุดคือทำให้เรา “หยุด” ประมาทกับชีวิต  เมื่อมีโรคภัยไม่สบายตัวเกิดขึ้นแล้วเรามักไม่อยากหาทุกข์อื่นใดมาเพิ่มให้ใจอีกเกิดเห็นค่าชีวิตมากขึ้นโดยอัตโนมัติ ขอแค่ไม่ท้อไปเสียก่อน

ตอนเจ็บป่วยนั้นเป็นเรื่องธรรมดาอยู่มากที่อยากจะให้หายได้เหมือน “เสก” ซึ่งก็คงไม่ใช่ “อะไรก็ยอม” แบบพี่เสก โลโซ  เพราะถ้ายอมไปเสียหมดก็จะอดได้ยาเยอะไม่ได้  แถมยิ่งกินยามากก็ยิ่งป่วยไม่สบายต้องใช้ยาเพิ่มมากขึ้นไปอีก ดุจวัวพันหลัก

 5 ป่วยช่วยได้เอง



 'ภูมิแพ้'

      แก้ง่ายไม่ใช่เรื่องยากหากแต่ต้องใช้สองมือหนึ่งสมองของตัวเองเป็นหลักเพราะถ้าไปพึ่งมืออื่นก็
มักได้ยา ได้สตีรอยด์มาประจำแล้วก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเป็นชิ้นอันอยู่ดีเพราะมันเป็นโรคที่ไม่หายอยู่แล้ว ฉะนั้นเมื่อภูมิแพ้เป็นโรคธรรมดาที่เกิดจากตัวมันก็ย่อมต้องออกจากตัวได้เอง 

> เริ่มจากจัดเวลาออกกำลังวันละครึ่งชั่วโมง แล้วเมื่อกลับมาบ้านลองทำน้ำเกลือกลั้วคอล้างจมูกเองจะเป็นตัวปลุกภูมิคุ้มกันที่หลับใหลอยู่ให้กระฉับกระเฉงขึ้น  ต้องไม่นอนยอมรับชะตากรรมน้ำมูกตก เอ๊ย...น้ำตาตกอยู่เพียงฝ่ายเดียวครับ 

> สำหรับภูมิแพ้เราอย่ายอมเป็นผู้ถูกกระทำขอเชียร์ให้ท่านที่รักลุกขึ้นมายกเครื่องปฏิวัติรัฐประหาร เอ๊ย...ปฏิรูป แหะ แหะ  ยกระดับภูมิให้แกร่งขึ้นมาอย่าเพี้ยนโลเลจนป่วยการพาลฟุดฟิดหอบหืดเป็นผื่นคันชวนจิตตก  เปลี่ยนให้คำว่า “ภูมิแพ้แก้ไม่ได้” ให้กลายเป็นลูกไก่ในกำมือเราครับ


 'ไขมันสูง' 


เป็นเรื่องใกล้ตัวไม่น่ากลัวอย่างที่คิดจนต้องพึ่งยาเสมอไป  เพราะหัวใจของการ “ลดมัน” ก็คือหาผู้ร้ายตัวแท้ให้เจอ  เช่นเกิดจาก “มรดกยีน” ในครอบครัวที่ไขมันสูงกันอยู่แล้ว 


 หรือเกิดจากอาหาร,ฮอร์โมน  ซึ่งถ้าหาตัวจริงเจอก็จะยิ่งแก้ง่าย 

นอกจากคุมอาหารมันแล้วขอให้เลี่ยง “แป้งกับน้ำตาล” เป็นหลักด้วยจะช่วยได้มาก  

ส่วนอาหารทะเลถ้าอยากทานก็ให้ทานครับทั้งปลาหมึก,กุ้ง,หอยเพราะมีไขมันดีโอเมก้า3 อยู่มากพอดู 

และควรรู้หลีก “ไขมันล่องหน(Transfat)” 
ที่ปนอยู่ในครีมเทียม,เค้ก,คุ้กกี้,มาการีน,วิปครีมและเบเกอรี่ส่วนใหญ่ครับ






 'ปวดข้อ' 
ไม่เกี่ยวกับโรคคดในข้อหรือกระดูกขัดมันแต่อย่างใด  

หากแต่เป็นเรื่องการใช้งานนานๆแบบหักโหมทั้งข้อศอก,ข้อเข่า,ข้อคอ,ข้อนิ้ว,ข้อหลังมันก็พาลสึกเสื่อมไปเหมือนบานพับเก่าจะพับเข้าแต่ละทีก็มีเอี๊ยดอ๊าด

ตามด้วยอาการเจ็บ  จริงแล้วแก้ได้ง่ายให้หาน้ำมันปลามารับประทานลดอักเสบ,

ใช้วิชาตัวเบาทำน้ำหนักให้ลดลงเพราะตัวที่รังแกบานพับของรามากที่สุดก็คือความอ้วนครับ 

สำหรับท่านั่งก็สำคัญหมั่นเลี่ยงท่า “พิฆาตเข่า” ต่อไปนี้คือขัดสมาธิ,พับเพียบ,คุกเข่าและยองๆ  

ซึ่งคนไทยเรานั่งกันมาแต่โบราณทำให้อาการปวดเข่าเจอได้มาก




'กระดูกพรุน' 
คนผอมจะวุ่นกว่าคนเจ้าเนื้อเพราะกระดูกจะเสี่ยงต่อบางลงง่ายกว่าเพราะว่าไม่มีน้ำหนักช่วยกดลงให้
กระดูกได้ปรับตัวดูดแคลเซียมมาช่วยรับ  

พอเนื้อกระดูกสบายมานานครั้นถึงวัยหนึ่งซึ่ง “ฮอร์โมนต่ำ” เช่นวัยทองของทั้งหญิงชายก็จะทำให้กระดูกยิ่งบางจ๋อยลงถือเป็น “ขาลง” ของมวลกระดูกทีเดียวครับ  ถึงตอนนี้ส่วนที่หักง่ายก็จะมีข้อมือ,บั้นเอวและกระดูกต้นขา 

การรักษาเองต้องเน้นที่ฝาก “ธนาคารกระดูก(Bone bank)” เอาไว้ด้วยการ

กิน “งาดำ” สักวันละ 2-3 ช้อนกินข้าว, 

กินใบกะเพราะและกะปิเข้าให้มากครับจะได้ทั้งแคลเซียมและแมกนีเซียม  

ที่สำคัญอย่าลืมเติม “วิตามินดี” โดยต้องไม่หนีแดดอ่อนๆด้วยครับ





 " จำเสื่อม" 
หา 2 พระเอกมากินด่วนชวนความจำกลับมาเพราะอาการจำเสื่อมอาจเกิดได้จาก “สมาธิสั้น” ได้ด้วย

  ในผู้ใหญ่ที่ต้องบริหารงานมากจะมีอาการนี้ได้ 

ของควรใช้บำรุงสมองก็คือ “วิตามินบี” กับ “น้ำมันปลา” นอกจากนั้นก็มีแปะก๊วยที่ช่วยได้  

ส่วนสำคัญคือต้องทำ “สติ” กันใหม่

ค่อยๆทำไปทีละอย่างอย่าทำทีเดียวพร้อมกัน(Multitasking) ครับ
          

ทั้ง 5 โรคที่ฮาร์วาร์ดจัดมาให้นั้น ดูแล้วก็เห็นว่า ของเขาดีจริงทำให้ไม่ต้องวิ่งขาขวิดไปหาหมอแต่ไก่โห่  และก็ยิ่งดีขั้นกว่าถ้ารู้ว่าจริงแล้วยังมีอีกสองโรคที่ทางฮาวาร์ดท่านอวยไว้ให้ด้วยคือ 

“เบาหวาน” กับ “ความดันสูง” แต่เกรงว่าจะค่อนข้างล่อแหลม ไม่ใช่รายการทั่วไปเด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี  แต่ถ้ารักษาเองเสียทั้งหมดก็มีสิทธิ์อันตราย  พูดง่ายๆว่าเกรงท่านใดเกิด “อิน” ขึ้นมาแล้วเอายาหลักทิ้งถังเสียหมด โรคกำเริบกันทั่วเมือง


         อย่าเพิ่งไปหาเรื่องฮาร์วาร์ดกันนะครับ  เพราะสำหรับความหมายที่ว่ารักษาได้เองนั้นคือดูแลด้วยการ “ไม่ใช้ยา” หรือใช้ยาเท่าที่จำเป็น  อย่าเห็นว่าการใช้ยาอันตรายเสมอไป  คนที่รักษาด้วยธรรมชาติแล้วดีขึ้นได้ส่วนหนึ่งก็คือคนที่ “มีวินัย” ด้วย ยาหรือหมอแค่เป็น “ตัวช่วย” เท่านั้น



ข้อมูลจาก kamolonline.net

ติดต่อเราบน Facebook page หลินจือ gano for your good health








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น